ความหลงใหลของเธอ

Last ned <ความหลงใหลของเธอ> gratis!

LAST NED

ทำเครื่องหมายจากเงา

“หน้ามึงดูเหมือนไม่ได้นอนมาเลยนะ” เลียมเอ่ยขณะก้าวเข้ามาในห้องทำงานของฉัน ประตูปิดลงตามหลัง

“ก็คงเพราะกูแม่งไม่ได้นอนเลยไง” ฉันเอนหลังพิงเก้าอี้แล้วใช้มือลูบหน้าแรงๆ ตาฉันแสบร้อน กรามเกร็งแน่นจากการบดฟันและย้อนนึกถึงทุกวินาทีที่อินเฟอร์โน “เมื่อคืนกูเจอเธอ ที่คลับ”

เลียมเลิกคิ้วสูง “ใครวะ ยัยผีของมึงน่ะเหรอ”

“เออ”

“แล้วไงต่อ?!” มันสะบัดแขนไปมาเหมือนนกเสียสติ จนเกือบจะปัดกองเอกสารบนขอบโต๊ะฉันร่วง

“แล้วก็ไม่มีอะไร” ฉันพ่นลมหายใจแรงๆ ไหล่ลู่ลง “เธออยู่ตรงนั้นแค่วินาทีเดียว แล้วก็หายไปเลย เหมือนทุกครั้ง”

“ให้ตายสิ” มันพึมพำ แล้วก็พ่นลมทางจมูก “มึงแม่งต้องไปหางานอดิเรกทำบ้างนะเพื่อน หรือให้ดีกว่านั้นก็หาผู้หญิงสักคน ผู้หญิงจริงๆ มึงไม่ได้มีใครมากี่ปีแล้ววะ”

“เออ แล้วไม่กี่คนที่กูเคยคบด้วยก็ดันหายตัวไปจากโลกนี้แบบไร้ร่องรอย” ฉันพูดอย่างขมขื่น ฉันไม่ได้ล้อเล่น

เลียมยิ้มกริ่ม “บางทียัยผีน้อยของมึงอาจจะตามเก็บพวกนั้นก็ได้”

มันตั้งใจพูดเป็นเรื่องตลก มันหัวเราะเสียงดังปัญญาอ่อนเหมือนเคย แต่ฉันไม่ขำด้วย ฉันแค่จ้องหน้ามัน

เสียงหัวเราะของมันขาดห้วงไป “เดี๋ยวนะ มึงไม่ได้...มึงไม่ได้คิดจริงๆ ใช่ไหมว่าเธอทำแบบนั้น...ใช่ไหม” มันกะพริบตามองฉันเหมือนฉันมีเขางอกออกมา “เชี่ยเอ๊ย มึงคิดจริงๆ ด้วย!”

“กูไม่ได้บอกว่าเธอทำแน่ๆ” ฉันพึมพำ พลางหมุนเก้าอี้ไปมองนอกหน้าต่าง แต่แค่นั้นก็ยังรู้สึกว่าโจ่งแจ้งเกินไป ฉันดึงมู่ลี่ลง “แต่เธออยู่ทุกที่ เลียม มีหูมีตาอยู่ทุกซอกทุกมุม ไม่มีใครทำแบบนี้ได้ตลอดรอดฝั่งถ้าไม่มีระบบสอดส่อง แล้วจังหวะล่ะ การที่ผู้หญิงพวกนั้นหายตัวไปหลังเจอแค่คืนเดียวเหมือนกับเป็นผีไปเองน่ะเหรอ มึงบอกกูสิว่ามันเป็นแค่เรื่องบังเอิญ”

“มึงแม่งบ้าไปแล้วจริงๆ”

“งั้นเหรอ” ฉันผายมือไปที่ผนังจอภาพด้านหลัง ที่ฉายภาพจากอินเฟอร์โน จากโกดัง หรือแม้แต่โถงทางเดินนอกห้องนี้ “ทุกครั้งที่มีอะไรเกิดขึ้น เธอนำหน้าไปสองก้าวเสมอ ทุกครั้งที่กูคิดว่าจะจับเธอได้ เธอก็หายไปแล้ว และเมื่อคืน—เธอทิ้งผ้าเช็ดปากไว้ให้กูเว้ย เลียม รอยลิปสติก สีของเธอ ข้อความ มันดูสง่างาม ตั้งใจทำชัดๆ เธอไม่ได้แค่เฝ้ามองกู เธอเล่นกับกูอยู่”

เลียมค่อยๆ หันศีรษะ สายตากวาดไปรอบห้องทำงาน “มึงคิดว่าเธอแอบติดเครื่องดักฟังในนี้ด้วยเหรอ” เขากระซิบถาม เสียงเบาลงทันที

ฉันไม่ได้ตอบทันที แต่ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนแล้วกวาดสายตามองไปทั่วห้อง ตามมุมห้อง ชั้นหนังสือ ใต้โต๊ะทำงาน ความตึงเครียดแล่นปราดขึ้นมาตามแนวกระดูกสันหลัง

“อาจจะ” ในที่สุดฉันก็ตอบ เสียงของฉันเบาและควบคุม “เธอฉลาด ระวังตัวจนน่ากลัว ถ้ากูเป็นเธอ กูจะซ่อนเครื่องดักฟังไว้ในนี้...ให้ตายสิ กูคงติดกล้องไว้ในช่องระบายอากาศด้วยซ้ำ”

เลียมไม่ขยับ

“ใจเย็น” ฉันพูดพลางคว้าเสื้อแจ็กเกตจากพนักเก้าอี้ “เดี๋ยวเราค่อยมาตรวจดูทีหลัง ตอนนี้เรามีปัญหาใหญ่กว่านั้น ท่าเรือ”

เขายังคงตัวแข็งทื่อ “ถ้าเธอฟังอยู่ตอนนี้...แล้วถ้าเธอรู้แล้วว่าเรากำลังจะไปล่ะ”

ฉันชะงักที่ประตู มือที่จับลูกบิดกำแน่นขึ้น

“งั้นก็หวังว่าเธอจะอยากเห็นเลือดก็แล้วกัน” ฉันพึมพำด้วยน้ำเสียงแหบกร้าน “เพราะกูก็เหมือนกัน”

เสียงเครื่องยนต์คำรามอยู่ใต้ร่างขณะที่เราขับตัดผ่านเมือง ถนนโล่งเกินกว่าจะเป็นคืนวันพฤหัสบดี ไม่มีรถติด ไม่มีตำรวจ มีเพียงเสียงยางบดถนนดังหึ่งๆ กับแสงไฟกะพริบจากเสาไฟถนนที่เสียเป็นครั้งคราว ฉันวางมือข้างหนึ่งไว้บนพวงมาลัย ส่วนอีกข้างเคาะเป็นจังหวะกระสับกระส่ายบนต้นขา เลียมนั่งข้างฉัน เงียบผิดปกติ เขากำลังกวาดสายตามองไปรอบๆ เหมือนกัน ราวกับสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล

“มึงสังเกตเห็นอะไรผิดปกติไหม” ฉันถามโดยไม่หันไปมองเขา

เขาคำรามในลำคอ “นอกจากที่เราไม่เจอรถสายตรวจสักคันมาสิบช่วงตึกแล้วเนี่ยนะ” เขาขยับตัว หรี่ตามองออกไปนอกหน้าต่างฝั่งคนนั่ง “เออ กูไม่ชอบใจเลยว่ะ”

“กูก็เหมือนกัน” ผมพึมพำ “มึงโทรไปก่อนรึเปล่า”

“คุยกับมาร์โคเมื่อชั่วโมงที่แล้ว มันบอกว่าของมาช้า อ้างว่าป่านนี้น่าจะกำลังเอาของลง แต่ท่าทีมันมีพิรุธ พิรุธเกินไป มันไม่รู้ว่ากูเช็กใบส่งของไปแล้ว”

ผมพยักหน้า ขบกรามแน่น “งั้นมาร์โคก็ยังเป็นคนของเรางั้นสิ”

“เว้นแต่จะมีตัวใหญ่กว่านี้ชักใยอยู่เบื้องหลัง แต่เออ... กูกล้าพนันเลยว่ามันแอบยักยอกของแน่ๆ ตัดแบ่งไปทีละนิด เอาของไปแพ็กใหม่ แล้วลักลอบขนออกไปทางด้านหลังโดยใช้ใบสั่งของปลอม”

ผมผ่อนลมหายใจเบาๆ “คืนนี้เราจะรีดเลือดมันให้หมดตัว ไม่มีคำเตือนอีกแล้ว ไม่มีโอกาสแก้ตัวครั้งที่สอง เราจะเชือดไก่ให้ลิงดู”

เลียมเหลือบมองผม เลิกคิ้ว “มึงแน่ใจนะว่าไม่ได้แค่โมโหเรื่องผู้หญิงคนนั้น”

“ยิงปืนนัดเดียว ได้นกสองตัว” ผมตอบเสียงเรียบ

เราเลี้ยวออกจากถนนสายหลักมุ่งหน้าไปยังเขตอุตสาหกรรมของท่าเรือ ไฟถนนที่นี่ริบหรี่ กะพริบ หรือไม่ก็ดับสนิทไปเลย หมอกลงจัด ลอยเรี่ยต่ำไปตามพื้นราวกับควัน สัญชาตญาณของผมกรีดร้อง

ผมชะลอรถ “มีบางอย่างไม่ถูกต้อง”

“จะให้วนกลับไหม”

“ไม่ ต้องจัดการให้มันจบๆ ไป”

เราขับไปจอดที่โกดังหมายเลข 9 ที่ที่ควรจะถูกทิ้งร้าง ที่ที่คาดว่าของถูกเก็บไว้

ทันทีที่เราก้าวลงจากรถ ความเงียบก็ถาโถมเข้าใส่เป็นอย่างแรก หนาหนักและน่าอึดอัด ไม่มีเสียงนกนางนวล ไม่มีเสียงเชือกเทียบเรือเสียดสี ไม่มีเสียงตะโกนของคนงาน มีเพียงความว่างเปล่าที่ไร้ชีวิต

แล้วเสียงคลิกก็ดังขึ้น เสียงโลหะ คมกริบ และจงใจ

“ฉิบหาย! หมอบลง!” ผมตะโกนพลางกระชากเลียมหลบหลังลังสินค้ากองหนึ่ง ทันใดนั้นเสียงปืนก็ดังขึ้น กระสุนเจาะแผ่นไม้แตกกระจายห่างจากจุดที่หัวของเขาเคยอยู่ไปไม่กี่นิ้ว

“ซุ่มโจมตี!” เขาตะโกน

เออสิวะ ร่างสามร่างเคลื่อนออกจากเงา ติดอาวุธหนัก หน้าตาถูกปิดบัง ไม่ใช่คนงานท่าเรือ ไม่ใช่พวกกระจอกข้างถนน พวกมืออาชีพ

เราเสียเปรียบเรื่องจำนวนคนและอยู่ในที่โล่ง แต่เรายังไม่ตาย ยัง

ผมชักปืนออกมายิงสวนกลับไป แค่พอให้พวกมันรุกคืบเข้ามาไม่ได้ เลียมคลานมาอยู่ข้างๆ ผม หอบหายใจ “พวกมันรอเราอยู่แล้ว!”

“เออ และพวกมันรู้ด้วยว่าเราจะเข้ามาทางไหน”

ซึ่งหมายความว่านี่ไม่ใช่แค่มาร์โคที่ทำกันเองตามลำพัง มีคนป้อนเส้นทางของเราให้พวกมัน เวลาของเรา เสียงหวีดแหลมบาดหูผิดธรรมชาติดังแทรกความโกลาหลขึ้น มือปืนคนหน้าสุดชะงักไปชั่วครู่ นานพอ แคร็ก กระสุนนัดเดียวทะลุผ่านกะโหลกของเขาอย่างหมดจด ส่งเขาร่วงลงไปกองเหมือนกระสอบอิฐ

“สไนเปอร์!” เลียมตวาดเสียงลอดไรฟัน หมอบต่ำลงไปอีก

“ไม่ใช่...” ผมพูด หัวใจพลันเต้นรัวในจังหวะที่ต่างออกไป “ไม่ใช่สไนเปอร์ธรรมดา สไนเปอร์ของเรา”

เสียงปืนดังขึ้นอีกนัด ชายคนที่สองล้มลงก่อนที่จะได้ยกอาวุธขึ้นด้วยซ้ำ ผมยืดตัวขึ้นพอที่จะมองเห็น เธออยู่บนที่สูงอีกฟากของลาน ซ่อนตัวอยู่ในโครงเครนทาวเวอร์ที่สร้างได้ครึ่งๆ กลางๆ ร่างสีดำทะมึน นิ่งสนิท สวมฮู้ด แสงจันทร์สะท้อนแวววับจากลำกล้องปืนเพียงชั่วพริบตาก่อนที่เธอจะเคลื่อนไหวอีกครั้ง พริ้วไหวและเลือนหายไป กว่าที่ชายคนที่สามจะหันหลังวิ่ง กระสุนนัดสุดท้ายก็เจาะทะลุต้นขาของเขา ส่งเขาล้มลงไปนอนร้องโหยหวน จงใจไม่ให้ถึงตาย เธอต้องการให้มันพูด

เลียมกำลังจ้องมองร่างไร้วิญญาณเหล่านั้น “เชี่ยไรวะเนี่ย...”

“เธอมาถึงที่นี่ก่อนที่เราจะขึ้นรถเสียอีก” ผมพึมพำ เก็บปืนเข้าซอง “เธอรู้”

ผมยืนขึ้นและมองไปยังเครน แต่สไนเปอร์หายไปแล้ว

“เธอช่วยชีวิตเราไว้อีกแล้วนะ” เลียมพ่นลมหายใจออกมา “อีกแล้ว”

ผมไม่ได้ตอบอะไร มีเพียงความรู้สึกเย็นเฉียบจากอะดรีนาลีนที่พลุ่งพล่านและบางสิ่งบางอย่างที่ลึกซึ้งกว่านั้น ผมล้วงเข้าไปในเสื้อโค้ตและสัมผัสได้ถึงผ้าเช็ดปากพับที่ยังคงเหน็บอยู่ในกระเป๋า เธอไม่เคยปล่อยให้มีอะไรเป็นเรื่องของโชคชะตา เธอเฝ้ามองอยู่เสมอ

Forrige kapittel
Neste kapittel