อยู่นอกสายตา, นอกใจ
มุมมองของอดัม
สองสามสัปดาห์ที่ผ่านมาคือหายนะชัดๆ
พ่อจ้ำจี้จ้ำไชผมไม่เลิกตลอดช่วงปิดเทอม คอยตอกย้ำกรอกหูผมว่านี่เป็นปีสุดท้ายก่อนจะถึงการดราฟต์ตัวเข้าเอ็นเอฟแอล ผมต้องก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ไป รักษาสภาพร่างกายให้ดีที่สุด และห้ามให้มีอะไร—ไม่มีอะไรทั้งนั้น—มาทำให้ผมไขว้เขวจากอนาคตของตัวเองได้ ราวกับว่าผมไม่รู้เรื่องพวกนั้นอยู่แล้วอย่างนั้นแหละ
แล้วเรื่องราวก็ยิ่งเลวร้ายลงไปอีกหลังจากการเลิกรา
แมนดี้กับผมคบกันมาสองปี และใช่ ทุกอย่างมันไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่ผมไม่เคยคาดคิดเลยว่าเธอจะนอกใจผม และไม่ใช่กับใครก็ได้—เธอดันไปทำแบบนั้นกับเพื่อนร่วมทีมของผมเองคนหนึ่ง การทรยศนั้นยังคงทิ่มแทงใจ แต่ผมจะไม่ยอมให้เธอสะใจที่ได้รู้ว่าเรื่องนี้มันทำให้ผมพังแค่ไหน
ผมจึงทำในสิ่งที่ทำมาตลอด—ผมทุ่มเททุกอย่างให้กับอเมริกันฟุตบอล
ฟุตบอลคือชีวิตของผม ผมใช้ชีวิตเพื่อมัน หายใจเป็นมัน และเสียสละทุกอย่างเพื่อมัน มันเป็นสิ่งเดียวที่สมเหตุสมผล เป็นสิ่งเดียวที่ผมควบคุมได้ ดังนั้นเมื่อใกล้จะเปิดเทอม ในหัวผมจึงมีอยู่เรื่องเดียว นั่นคือทุ่มสุดตัว
แต่ก็มีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง หอพักของผม
ที่อยู่ของมันใกล้กับอพาร์ตเมนต์นอกมหาวิทยาลัยของแมนดี้มากเกินไป และไม่มีทางเสียหรอกที่ผมจะยอมเสี่ยงเจอหน้าเธอบ่อยๆ ทุกวัน ทางที่ดีที่สุดน่ะเหรอ? หาหอพักที่อยู่ใกล้สนาม ที่ที่ผมจะสามารถมีสมาธิ ฝึกซ้อม และไม่ต้องนึกถึงเรื่องอื่นใด
คืนนั้นผมเปิดประตูเข้าไปในห้องใหม่ สะพายกระเป๋าดัฟเฟิลไว้บนบ่า และคาดหวังว่าจะเจอห้องว่างๆ แต่สิ่งที่ผมเจอแทนกลับเป็นเขา
เอเมอร์สัน เบ็คเก็ตต์
แสงสลัวทอดเงาลงบนร่างของเขา ขับเน้นโครงกรามและโหนกแก้มที่เด่นชัดเป็นสัน ผมของเขาสีดำมีไฮไลต์สีเขียวแซมอยู่ และเสื้อผ้าก็แนบเนื้อราวกับเป็นผิวหนังชั้นที่สอง ผมมองเห็นรอยสักเต็มแขนท่อนล่างโผล่ออกมาจากแขนเสื้อที่พับขึ้น แน่นอนอยู่แล้ว
ผมไม่ชอบขี้หน้าเขา ไอ้เด็กมีปัญหาเจ้าของชื่อเสียงฉาวโฉ่ คนที่เดินกร่างไปทั่วเหมือนไม่สนใจอะไร แต่ก็ยังหาเรื่องชกต่อยหรือก่อกวนคนอื่นอยู่เสมอ ผมเคยเห็นเขาอยู่รอบๆ มักจะมาพร้อมกับใบหน้าบึ้งตึงอันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมกับสีหน้าที่บอกว่า ‘กูมีเรื่องที่ดีกว่านี้ให้ทำเยอะแยะ’ อยู่ตลอดเวลา ไอ้เวรที่ทำตัวเบ่ง แล้วตอนนี้ผมจะต้องมาอยู่ห้องเดียวกับเขางั้นเหรอ?
คุณนายเมเยอร์เพิ่งจะปิดประตูหลังผมได้ไม่ทันไร ผมก็พ่นลมหายใจออกมาอีกครั้ง เอามือลูบหน้าตัวเอง “เยี่ยมไปเลย ให้ตายสิ เยี่ยมชิบหาย”
เอเมอร์สันไม่ตอบ เขาเดินตัดห้องไปแล้ว โยนกระเป๋าเปียกๆ ของมันลงบนเตียงอย่างไม่ทุกข์ร้อน เพราะเขาอยู่ที่นี่ และตอนนี้ผมก็อยู่ที่นี่ด้วย เราอยู่ที่นี่ ให้ตายเถอะ
ผมทนไม่ไหวแน่ ผมขบกรามแน่น ความหนักอึ้งของสามสิบวันที่ผ่านมาถาโถมเข้ามาอีกครั้ง เรื่องวุ่นวายกับพ่อ ต่อด้วยแมนดี้ แล้วก็มาเรื่องนี้อีก ผมจะเจอเรื่องดีๆ บ้างไม่ได้เลยหรือไงวะ
ผมใช้เวลาตลอดช่วงปิดเทอมพยายามหนีปัญหาของตัวเอง—ดื่มเหล้า ปาร์ตี้ ทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้สมองคิดถึงเรื่องเลิกราและเรื่องที่พ่อคอยตามจิก ฟุตบอลควรจะเป็นที่หลบภัย เป็นสมอของผม แต่แม้กระทั่งสิ่งนั้นก็ยังดูแปลกไปในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ตอนนี้ แทนที่จะได้กลับมาตั้งสมาธิกับเกม ผมกลับต้องมาใช้ห้องร่วมกับเอเมอร์สัน แบล็กวูด
“ฟังนะเพื่อน” ผมเริ่ม พยายามทำเสียงให้สงบ “ฉันแค่อยากจะพูดให้ชัดเจนเรื่องหนึ่ง—ฉันจะไม่ยุ่งเรื่องของนาย และนายก็ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของฉัน นอกจากนั้นแล้ว ฉันไม่สนหรอกว่านายจะทำห่าอะไร”
เขาไม่แม้แต่จะเหลือบมองมาทางผม แค่ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าแล้วหยิบบุหรี่ซองหนึ่งออกมา “รับทราบ”
ผมเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งขณะที่เขาคาบบุหรี่ไว้ที่ปาก “ที่นี่ห้ามสูบบุหรี่นะ”
การเคลื่อนไหวของเขาหยุดชะงัก ไฟแช็กยังค้างอยู่ระหว่างนิ้ว เขาหันหน้ามาทางผมช้าๆ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนใบหน้า “จะเอาไปฟ้องเหรอ พ่อหนุ่มทอง?”
นิ้วมือของผมจิกเข้าหากัน ผมเคยได้ยินเรื่องของเอเมอร์สันมาบ้าง ให้ตายเถอะ ใครๆ ก็เคยได้ยินทั้งนั้น ตัวตนของมันคือการชูนิ้วกลางให้กฎเกณฑ์—รอยสัก ท่าทีแย่ๆ และชื่อเสียงที่ทำให้แม้แต่พวกที่มั่นใจในตัวเองที่สุดยังต้องคิดสองตลบก่อนจะทำอะไรให้มันโมโห มันเป็นตัวปัญหาในทุกที่ที่ไป และตอนนี้ผมต้องมาอยู่กับไอ้หมอนี่
ผมปล่อยลมหายใจออกมายาวๆ “ก็แค่อย่าทำตัวงี่เง่า”
เขายิ้มกว้างขึ้น โยนบุหรี่กับไฟแช็กไว้บนโต๊ะข้างเตียง แล้วเอนตัวลงนอน “ไม่รับปาก”
ผมเสยผม ความตึงเครียดจมลึกลงไปในกล้ามเนื้อหัวไหล่ นี่มันนรกชัดๆ ผมต้องการความสงบ ความมั่นคง สถานที่ที่จะได้จดจ่อกับฟุตบอลและฟุตบอลเท่านั้น แต่ผมกลับได้เขามาแทน ผมพนันด้วยเงินเหรียญสุดท้ายได้เลยว่าเขาจะทำให้เรื่องนี้มันยากขึ้น
เยี่ยม ยอดเยี่ยมชิบหาย
“ช่างแม่ง” ผมเปิดกระเป๋าดัฟเฟิลแล้วเริ่มเอาของออก ยัดเสื้อผ้าเข้าไปในตู้ลิ้นชัก ยิ่งผมแกล้งทำเป็นว่าเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ได้เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี
ความเงียบโรยตัวอยู่ระหว่างเรา ผมไม่แน่ใจว่ามันนานแค่ไหนก่อนที่เขาจะพูดขึ้น พลิกตัวมาเผชิญหน้ากับผม “แล้ว...เหตุผลที่แท้จริงที่นายมาอยู่ที่นี่คืออะไร?”
ผมทำหน้าบึ้งใส่เขา “อะไรนะ?”
เขากวาดมือไปทั่วห้องอย่างไม่มีเป้าหมาย “นายคืออดัม เพียร์ซ สุดยอดนักฟุตบอล ลูกแหง่ติดพ่อ นายจะเลือกหอไหนในมอก็ได้ แล้วทำไมซาตานถึงส่งนายมาลงเอยกับฉันล่ะ? โดนลงโทษหรือไง?”
“ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของนาย”
เขาหัวเราะในลำคอ “คงจะจี้ใจดำสินะ”
ผมขบฟันแน่น ตั้งใจจะยัดรองเท้าสตั๊ดเข้าไปในตู้เสื้อผ้า ผมจะไม่เถียงกับเขาเรื่องพ่อ เรื่องแมนดี้ หรือเรื่องอะไรทั้งนั้น เขารู้อะไรไม่เท่าไหร่ และมันก็จะยังคงเป็นแบบนั้นต่อไป ผมมีแผนสำหรับเทอมนี้ และการพูดคุยกับเขาไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของแผนนั้น ผมจัดเสื้อผ้าเข้าตู้เสื้อผ้าใกล้ตัวขณะที่คิดถึงเกมการแข่งขันที่กำลังจะมาถึง
แต่เขาก็จี้ใจดำผมเข้าจริงๆ และผมก็พบว่าตัวเองพูดออกไป “แล้วทำไมเช็คของนายถึงเด้งล่ะ? เอาค่าเทอมไปซื้อมวนกัญชาหรือไงวะ ไอ้ขี้ยา?”
เขาไม่พูดอะไร เพียงแค่จ้องมองผมด้วยสายตาแข็งกร้าว เขาลุกขึ้นยืน หยิบผ้าเช็ดตัวออกจากตู้เสื้อผ้าของตัวเอง พาดบ่า แล้วเดินกระทืบเท้าเข้าห้องน้ำไป
เขาไม่พูดอะไรอีกเลยหลังจากอาบน้ำเสร็จ แต่ผมรู้สึกได้ว่าสายตาของเขายังคงจับจ้องมาที่ผมขณะที่ผมจัดของเสร็จและกำลังจะเดินไปเข้าห้องน้ำ มันทำให้ผมรู้สึกพึงพอใจอย่างประหลาด
ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่จี้ใจดำคนอื่นเป็น
















































































































































